สรุปไฮไลต์งาน Adobe MAX 2023


สรุปไฮไลต์งาน Adobe MAX 2023 เผยอนาคตนวัตกรรม Creativity และ AI

 

อะโดบี (Adobe) เผยอนาคตของงานครีเอทีฟ และ AI ที่งาน Adobe MAX 2023 งานประชุมด้านงานครีเอทีฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกเน้นย้ำถึงนวัตกรรม Generative AI…

Admindd ADMIN DDSOFTTECH  ข้อมูลจาก :  itday , techtalkthai
  ปรับปรุงเมื่อ ต.ค. 20, 2023 Adobe
 

 

highlight

 

• การประชุมด้านงานครีเอทีฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกเน้นย้ำถึงนวัตกรรม Generative AI ที่ก้าวล้ำ รวมถึงโมเดลใหม่ล่าสุด 3 โมเดลในตระกูล Firefly ของอะโดบี ซึ่งเป็นโมเดล Generative AI สำหรับการสร้างคอนเทนต์ที่สามารถใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย
• ฟีเจอร์ใหม่กว่า 100 รายการที่เปิดตัวในแอปพลิเคชั่นหลัก ๆ ของ อะโดบี ครีเอทีฟ คลาวด์ (Adobe Creative Cloud) เช่น ฟีเจอร์ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย Firefly และเวิร์กโฟลว์บนเว็บใน Illustrator และ Photoshop, ความสามารถในการแก้ไขแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใน Lightroom รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ Generative Fill และ Text to Template ที่มุ่งเน้น AI ใน อะโดบี เอ็กซ์เพรส (Adobe Express)
• อะโดบี เจนสตูดิโอ (Adobe GenStudio) เพิ่มความรวดเร็วให้กับซัพพลายเชนด้านคอนเทนต์ระดับองค์กร ด้วยโมเดลใหม่ที่ผ่านการปรับแต่งของ Firefly ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคอนเทนต์มีความสอดคล้องกับแนวทางของแบรนด์ และสามารถปรับขนาดได้อย่างเหมาะสม ครอบคลุมเวิร์กโฟลว์ด้านงานครีเอทีฟ และการตลาดขององค์กร

Adobe เผยอนาคตของงาน Creativity และ AI ที่งาน Adobe MAX 2023

อะโดบี เปิดฉากการประชุม อะโดบี แม็ค 2023 ซึ่งเป็นการประชุมด้านงานครีเอทีฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการถ่ายทอดสดเป็นเวลาสามวันจากลอสแอนเจลิสไปถึงครีเอเตอร์ และนักการตลาดทั่วโลก ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลักๆ พร้อมการบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ

ตลอดจนการสร้างแรงบันดาลใจ และการมีส่วนร่วมของชุมชนผู้ใช้ งาน MAX ในปีนี้ได้เปิดศักราชใหม่ของความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุกคน (Creativity for All)  ด้วยการต่อยอดจากการเปิดให้ใช้งาน Firefly และการเปิดตัว อะโดบี เจนสตูดิโอ อะโดบีจะนำเสนอนวัตกรรม AI ที่กำหนดนิยามใหม่ให้กับเวิร์กโฟลว์ด้านงานครีเอทีฟ

และซัพพลายเชนด้านคอนเทนต์ระดับองค์กร นอกจากนี้ ที่งาน MAX อะโดบีจะจัดการประชุมร่วมกับนักวิเคราะห์ทางการเงิน และนักลงทุนอีกด้วย

Adobe

อะโดบี เปิดตัวโมเดล Firefly ใหม่ 3 โมเดล ได้แก่ Firefly Image 2 Model, Firefly Vector Model และ Firefly Design Model ซึ่งเป็นโมเดลที่ออกแบบมาเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่สามารถใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย

พร้อมกันนี้ อะโดบี ได้เปิดตัวฟีเจอร์ AI ใหม่ที่สำคัญมากกว่า 100 รายการ รวมถึงอัปเดตในแอปพลิเคชั่นหลัก ๆ ของ อะโดบี ครีเอทีฟ คลาวด์ เช่น Illustrator, Photoshop, Lightroom, Premiere Pro, After Effects และ Stock ตอนนี้ อะโดบี เอ็กซ์เพรส มอบความสามารถด้าน AI มากยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มเติมฟีเจอร์

Generative Fill, Text to Template และ Translate ซึ่งทำให้แอปสร้างสรรค์แบบครบวงจรทำงานได้เร็วยิ่งขึ้นและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ทุกระดับทักษะ สำหรับนักเรียน ฟีเจอร์ การวาดภาพ และ ระบายสี ใหม่ เป็นตัวเปลี่ยนเกมในการทำให้ไอเดียของพวกเขาเป็นจริง

เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการสร้าง และเปิดใช้งานคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ อะโดบีจึงได้นำเสนอ อะโดบี เจนสตูดิโอ ซึ่งเป็นโซลูชั่นใหม่ที่ผสานรวมสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการคิดค้นไอเดีย การสร้างคอนเทนต์ การผลิต และการเปิดใช้งาน พร้อมด้วย Firefly Generative AI ที่สามารถปรับแต่งได้

ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับการพลิกโฉมซัพพลายเชนด้านคอนเทนต์ระดับองค์กร  โซลูชั่นแบบครบวงจรใหม่ล่าสุดของอะโดบีผนวกรวม Creative Cloud, Firefly, Express, Frame.io, Analytics, AEM Assets และ Workfront เพื่อรองรับการสร้างคอนเทนต์ตามจินตนาการและแนวทางของแบรนด์ต่า งๆ ได้อย่างรวดเร็ว

มีการสร้างภาพโดยใช้โมเดล Firefly มากกว่า 3 พันล้านภาพ

เดวิด วาดวานี ประธานฝ่ายธุรกิจสื่อดิจิทัล ของ อะโดบี กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่เราเปิดตัวโมเดลรูปภาพ Firefly ตัวแรกเมื่อเดือนมีนาคม เรารู้สึกประหลาดใจกับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้ใช้ แสดงให้เห็นว่า Firefly มีประโยชน์มากเพียงใดต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบ และทดลอง ทั้งยังช่วยเร่งขั้นตอนการทำงาน โดยไม่กระทบ

ต่อการควบคุมงานครีเอทีฟ จนถึงปัจจุบันมีการสร้างภาพโดยใช้โมเดล Firefly มากกว่า 3 พันล้านภาพ ซึ่งรวมถึงการสร้างภาพมากกว่า 1 พันล้านภาพในเดือนที่แล้วเพียงเดือนเดียว การปรับใช้ Firefly ในช่วงระยะแรกนี้แสดงให้เห็นถึงพลังที่โดดเด่นในการนำเอา Foundation Model มาใช้กับเวิร์กโฟลว์ที่ลูกค้ารู้จัก และชื่นชอบ

Adobe

นอกจากนี้ อะโดบี กำลังพัฒนา Foundation Model คุณภาพสูงสำหรับสื่อทุกประเภท และวันนี้ อะโดบีได้ประกาศเปิดตัว Firefly Image 2 Model, Adobe Firefly Vector Model และ Firefly Design Model ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรีลีสที่สำคัญในส่วนของโมเดล Generative AI สำหรับงานครีเอทีฟ

Firefly Image 2 คือโมเดลการสร้างภาพรุ่นใหม่ที่ช่วยยกระดับการควบคุมงานครีเอทีฟ และคุณภาพสำหรับผู้ใช้  Firefly Image 2 สร้างภาพที่มีคุณภาพเหนือกว่า แสดงผลภาพบุคคลได้แม่นยำยิ่งขึ้น และปรับปรุงการจัดตำแหน่งข้อความ เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับครีเอเตอร์

ส่วน Firefly Vector Model เป็นโมเดล Generative AI ตัวแรกของโลกที่มุ่งเน้นการผลิตกราฟิกแบบเวกเตอร์ โดยนำเอาความเชี่ยวชาญด้านกราฟิกแบบเวกเตอร์ และ Generative AI ของ อะโดบี มาสู่เวิร์กโฟลว์ของ Illustrator โดยตรง ด้วยฟีเจอร์ Text to Vector Graphic

ซึ่งใช้ในการสร้างโลโก้ กราฟิกสำหรับเว็บไซต์ บรรจุภัณฑ์สินค้า ไอคอน และอื่น ๆ Firefly Design Model ขับเคลื่อนการสร้างดีไซน์เทมเพลตคุณภาพสูงได้อย่างฉับไว เช่น ใบปลิว โปสเตอร์ บัตรเชิญ และอื่น ๆ โดยเรียกใช้งานภายใน Express ได้โดยตรง ด้วยฟีเจอร์ใหม่ Text to Template

Adobe

ข้อมูลรับรองคอนเทนต์ (Content Credentials) ซึ่งทำหน้าที่เป็น “ฉลากโภชนาการ“ ดิจิทัลสำหรับคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI จะถูกแนบไปกับเอาต์พุตของ Firefly โดยอัตโนมัติ และสามารถแสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชื่อผู้สร้าง วันที่ การแก้ไข และเครื่องมือที่ใช้

ที่งาน MAX นั้น Publicis Groupe จะแสดงตัวอย่างวิสัยทัศน์ในการปรับใช้ Content Credentials ในระดับองค์กรสำหรับอุตสาหกรรมโฆษณา และงานครีเอทีฟ เพื่อพลิกฟื้นความเชื่อมั่นทางออนไลน์สำหรับแบรนด์ชั้นนำ

นวัตกรรม Creative Cloud

Adobe

จากความสำเร็จของ Generative Fill ใน Photoshop ซึ่งมีอัตราการนำไปใช้มากถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า อะโดบี ได้เปิดตัวเวิร์กโฟลว์ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย Firefly ใน Illustrator พร้อมฟีเจอร์ Text to Vector Graphic

ส่วนใน อะโดบี เอ็กซ์เพรส จะประกอบด้วยฟีเจอร์ Generative Fill และ Text to Template นวัตกรรมเพิ่มเติมใน Creative Cloud ครอบคลุมถึงเครื่องมือใหม่ ๆ ใน Illustrator เช่น Mockup และ Retype และการอัปเดตสำหรับ Share for Review

พร้อมด้วย Illustrator on the web โฉมใหม่ ความก้าวหน้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใน Lightroom ได้แก่ Lens Blur, HDR Optimization, Point Color รวมไปถึงการแก้ไขแบบใหม่ที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้นใน Lightroom Mobile

นอกจากนี้ อะโดบี ยังประกาศความพร้อมใช้งานทั่วไปของ Photoshop on the web พร้อมด้วยฟีเจอร์ Generative Fill และ Generative Expand ที่ขับเคลื่อนด้วย Firefly ซึ่งตอนนี้สามารถใช้ได้บนอุปกรณ์ Google Chromebook Plus และอะโดบียังได้เปิดตัวฟีเจอร์ Text–Based Editing

และการปรับปรุงการเคลื่อนไหว ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ใน Premiere Pro และ After Effects รวมถึงการเผยแพร่วิดีโอคอนเทนต์อย่างไร้รอยต่อไปยัง TikTok, YouTube และ Facebook จาก Express และ Premiere Pro และยังมีนวัตกรรมใหม่อื่น ๆ อีกมากมายในแอปต่าง ๆ บน Creative Cloud

นวัตกรรม อะโดบี เอ็กซ์เพรส

Adobe

ตอนนี้ผู้ใช้ Express สามารถใช้ Generative Fill ซึ่งเป็น Co–pilot ด้านงานครีเอทีฟที่ขับเคลื่อนด้วย Firefly ช่วยให้สามารถแทรก ลบ หรือแทนที่วัตถุ ผู้คน และสิ่งอื่น ๆ ในภาพได้อย่างง่ายดายโดยใช้เพียงคำอธิบาย  นอกจากนี้ ยังมี Text to Template ซึ่งเป็นความสามารถด้าน Generative AI

ที่สร้างขึ้นจาก Firefly Design Model ช่วยให้สามารถเริ่มต้นการออกแบบได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้จะสามารถสร้างเทมเพลตที่สวยงาม และแก้ไขได้ โดยเพียงแค่พิมพ์ป้อนข้อความคำอธิบาย ส่วนฟีเจอร์ Translate จะช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาในการแปลคอนเทนต์ ด้วยตัวเลือกภาษาที่มากถึง 45 ภาษา

ขณะที่ฟีเจอร์ใหม่ Drawing and Painting มีการเพิ่มเติมสี และพู่กันตกแต่งหลากสีสันมากกว่า 50 แบบ โดยมีการเลียนแบบถ่าน ดินสอ พื้นผิวสีน้ำ รวมถึงเทมเพลตการวาดภาพที่เหมาะกับนักเรียน ซึ่งมีอยู่ใน Express for Education ช่วยให้สามารถออกแบบเอฟเฟ็กต์ที่สวยงาม เช่น ดอกไม้ หัวใจ และอื่น ๆ ได้อย่างง่าย และรวดเร็ว

อะโดบี เจนสตูดิโอ และ อะโดบี เอ็กซพีเรียนซ์ เมเนเจอร์

นอกจากนั้น อะโดบียังได้สาธิต อะโดบี เจนสตูดิโอ ซึ่งเป็นโซลูชั่นแบบครบวงจรใหม่ล่าสุดที่รวบรวมแอปพลิเคชั่นที่ดีที่สุดเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งในส่วนของ Creative Cloud, Express และ Experience Cloud โดยมี Firefly Generative AI เป็นแกนหลัก

เพื่อช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถตอบสนองความต้องการด้านคอนเทนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น อะโดบี ได้เผยโฉมการปรับแต่งที่ทรงพลังของโมเดล Firefly รวมไปถึง API ใหม่ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าคอนเทนต์ขององค์กรจะมีความสอดคล้องกับแนวทางของแบรนด์ และสามารถปรับขนาดได้ โดยครอบคลุมทั้งเวิร์กโฟลว์ด้านการตลาด และงานครีเอทีฟ

ด้วยการปรับปรุงซัพพลายเชนด้านคอนเทนต์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต และนำเสนอคอนเทนต์ที่สร้างผลกระทบต่อประสบการณ์ของลูกค้า แบรนด์ต่าง ๆ จึงสามารถขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจโดยอาศัยการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม และความภักดีของลูกค้า

Adobe

นอกจากนี้ อะโดบีกำลังปรับโฉมประสบการณ์ของลูกค้าด้วย อะโดบี เอ็กซพีเรียนซ์ เมเนเจอร์ ไซท์ ซึ่งประกอบด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจต่าง ๆ สามารถทดสอบและปรับแต่งเว็บคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นการซื้อ และเพิ่มความเร็วในการแสดงผลเว็บไซต์อย่างเหนือชั้น

ด้วยเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่พัฒนา โดย อะโดบี รวมถึงโค้ด Boiler Plate ที่ปรับปรุงใหม่ การแสดงผลเว็บเพจเป็นระยะ ๆ การแคชข้อมูลแบบถาวร และการตรวจสอบผู้ใช้จริงอย่างต่อเนื่อง

Visitors: 99,787